ในยุคดิจิทัลที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้อมูลส่วนบุคคลกลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ต้องปกป้อง เพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ รัฐบาลเวียดนามได้เดินหน้าปฏิรูปกฎหมายด้านข้อมูลและความปลอดภัยไซเบอร์ครั้งใหญ่ โดยหนึ่งในก้าวสำคัญคือการผ่าน กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ (Personal Data Protection Law - PDPL) โดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา
กฎหมาย PDPL นี้กำลังจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2026 และจะส่งผลกระทบโดยตรงกับทุกธุรกิจที่ดำเนินงานอยู่ในเวียดนาม รวมถึงผู้ประกอบการต่างชาติที่มีการเก็บและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล วันนี้เรามาสรุปประเด็นหลักๆที่คุณควรรู้กัน
ทำไมเวียดนามถึงต้องมีกฎหมายนี้?

สถานการณ์ความมั่นคงของข้อมูลในเวียดนามน่ากังวลอย่างยิ่งครับ เพราะแค่ในปี 2024 ก็มีข้อมูลกว่า 10 เทราไบต์ถูกเข้ารหัส จากการโจมตี, บัญชีหลุดกว่า 14 ล้านบัญชี, และการโจมตีแบบ DDoS พุ่งสูงขึ้นถึง 34% (รวม 924,000 ครั้ง) นอกจากนี้ ยังมีการตรวจพบเว็บไซต์ปลอมและแอบอ้างแบรนด์กว่า 1,200 แห่ง โดย 71% ของการโจมตีทั้งหมดมุ่งเป้าไปที่ภาคการเงินและการธนาคาร ตัวเลขเหล่านี้บ่งบอกชัดเจนว่าเวียดนามจำเป็นต้องมีกรอบกฎหมายที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องข้อมูลอย่างเร่งด่วน
เกร็ดน่ารู้เพิ่มเติม: นอกเหนือจาก PDPL ยังมี กฎหมายว่าด้วยข้อมูล (Law on Data) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2025 ซึ่งจะควบคุมการประมวลผลข้อมูลและกำหนดกรอบการถ่ายโอนข้อมูลข้ามประเทศ รวมถึงร่าง กฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ฉบับใหม่ ปี 2025 ที่จะรวมกฎหมายเก่าสองฉบับเข้าด้วยกันและคาดว่าจะเสนอต่อสภาฯ ในเดือนตุลาคม 2025
สาระสำคัญของกฎหมาย PDPL ที่ธุรกิจต้องรู้
PDPL ฉบับใหม่นี้นำเสนอแนวคิดและข้อกำหนดสำคัญหลายประการ:
- การแบ่งประเภทข้อมูล: ข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกแบ่งออกเป็น "ข้อมูลส่วนบุคคลพื้นฐาน" และ "ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว" ซึ่งข้อมูลอ่อนไหว (เช่น ข้อมูลสุขภาพ เชื้อชาติ) จะมีมาตรการปกป้องที่เข้มงวดกว่า
- การห้ามค้าขายข้อมูลส่วนบุคคล: เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชน ความเป็นส่วนตัวและอัตลักษณ์ของเจ้าของข้อมูล กฎหมายนี้จึงจำกัดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการห้ามซื้อและขายข้อมูลส่วนบุคคลในเชิงพาณิชย์อย่างเด็ดขาด
- สิทธิของเจ้าของข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น: กฎหมายนี้ยึดหลักการให้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลในการควบคุมข้อมูลส่วนตัวของตนเอง
- บทลงโทษที่เข้มงวด: บทลงโทษทางปกครองสำหรับการละเมิดได้รับการปรับปรุงให้รุนแรงขึ้นอย่างมาก:
- การซื้อขายข้อมูลผิดกฎหมาย: ปรับสูงสุดถึง 10 เท่าของรายได้ ที่ได้จากการกระทำผิด
- การถ่ายโอนข้อมูลข้ามประเทศที่ผิดกฎหมาย: ปรับสูงสุดถึง 5% ของรายได้ปีที่แล้ว
- การละเมิดอื่นๆ: ปรับสูงสุดถึง 3 พันล้านดองเวียดนาม (ประมาณ 118,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ)
หากละเมิดกฎของ PDPL จะต้องเผชิญกับค่าปรับครึ่งหนึ่งของอัตราที่องค์กรต้องจ่าย
ธุรกิจต้องทำอะไรบ้างเพื่อรับมือ?
PDPL กำหนดข้อบังคับใหม่สำหรับบริษัทที่ดำเนินงานในเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูล:
- การประเมินผลกระทบ (DPIA / TPIA): บริษัทจะต้องดำเนินการ ประเมินผลกระทบการประมวลผลข้อมูล (Data Processing Impact Assessment) และ ประเมินผลกระทบการถ่ายโอนข้อมูล (Transfer Impact Assessment)
- ข้อยกเว้นและระยะเวลาผ่อนผัน:
- ธุรกิจขนาดเล็กมาก (Microenterprises) และธุรกิจครัวเรือน ได้รับการยกเว้นจากขอบเขตการบังคับใช้ของ PDPL
- สตาร์ทอัพและบริษัทขนาดเล็ก อาจได้รับระยะเวลาผ่อนผัน 5 ปี สำหรับการดำเนินการประเมินผลกระทบการประมวลผลข้อมูล (DPIA) และการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
- กฎระเบียบเฉพาะภาคส่วน: หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำกฎระเบียบเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น สุขภาพ, ประกันภัย, การธนาคาร, บริการทางการเงิน, สื่อออนไลน์, การโฆษณา, บิ๊กดาต้า, AI และคลาวด์คอมพิวติ้ง
- การอัปเดตกฎระเบียบเดิม: การยินยอมการประมวลผลข้อมูลและการประเมินผลกระทบที่ได้รับภายใต้กฎหมายเดิม (PDPD) ยังคงมีผลบังคับใช้ แต่ต้องได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับข้อกำหนดใหม่ของ PDPL
หากละเลยผลที่ตามมาคืออะไร?
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย PDPL อาจนำไปสู่ผลกระทบทางกฎหมายที่ร้ายแรง รวมถึงการเรียกร้องค่าเสียหาย, ค่าปรับทางการเงินมหาศาล และผลทางกฎหมายอื่นๆ เช่น การพักใบอนุญาตประกอบธุรกิจชั่วคราว
บทสรุป: ก้าวสู่ยุค "Data Compliance" อย่างจริงจัง
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่ของเวียดนาม เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าภูมิภาคนี้กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของการ "Data Compliance" อย่างจริงจังและเข้มงวด องค์กรที่เริ่มปรับตัวและปฏิบัติตามกฎระเบียบก่อน ไม่เพียงแต่จะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและบทลงโทษทางกฎหมาย แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจจากลูกค้าและพันธมิตรอีกด้วย
การปฏิบัติตามกฎหมายที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็ก SearchInform เข้าใจถึงความท้าทายเหล่านี้ จึงได้พัฒนาระบบ Managed Security Service (MSS) ซึ่งเป็นบริการที่รวมโซลูชันความปลอดภัยขั้นสูงเข้ากับการเข้าถึงผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่มีทักษะและประสบการณ์ เพื่อช่วยคุณป้องกันข้อมูลรั่วไหลและภัยคุกคามภายในได้อย่างครบวงจร
หากองค์กรของคุณดำเนินงานหรือมีพันธมิตรในเวียดนาม อย่ารอช้า! ติดต่อเราเพื่อขอรับบริการตรวจสอบความพร้อมด้านกฎหมาย PDPL ฟรีได้แล้ววันนี้! https://activemedia.co.th/contacts/
______________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ที่มา:https://searchinform.com/blog/2025/7/2/vietnam-passes-personal-data-protection-law/