เมื่อพูดถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน “AI” หรือปัญญาประดิษฐ์ คือหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่การแพทย์ พลังงาน ไปจนถึงบริการออนไลน์ขนาดใหญ่ และหนึ่งในบริษัทที่ผลักดันเทคโนโลยีนี้อย่างจริงจังคือ Meta หรืออดีต Facebook
ล่าสุด Meta ได้ออกมาประกาศแผนการลงทุนระดับ “หลายแสนล้านดอลลาร์” เพื่อสร้าง ศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาดมหึมาหลายแห่งทั่วสหรัฐฯ เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขั้นสูง โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าสู่ยุค Superintelligence หรือ AI ที่มีความสามารถระดับใกล้เคียงมนุษย์ในหลายด้าน
Superintelligence: เป้าหมายใหม่ของ Meta

ตามรายงานของ Bloomberg Meta ได้เริ่มสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่หลายแห่งเพื่อรองรับการประมวลผล AI ที่มีความซับซ้อนสูง โดยศูนย์แรกชื่อว่า Prometheus จะเปิดใช้งานในรัฐโอไฮโอภายในปี 2026 ส่วนอีกแห่งที่ชื่อว่า Hyperion กำลังถูกวางแผนให้มีขนาด “ใหญ่เกือบเท่าเกาะแมนฮัตตัน” และขยายกำลังการประมวลผลได้ถึง 5 กิกะวัตต์ ในช่วงหลายปีข้างหน้า
เพื่อให้แผนนี้เป็นจริง Meta ได้จัดตั้งทีม Superintelligence Labs และดึงตัวผู้เชี่ยวชาญจากองค์กร AI ชั้นนำอย่าง OpenAI, DeepMind และ Scale AI เข้ามาเสริมทัพ โดยมี Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้ง Scale AI เป็นผู้นำโครงการ
ศูนย์ข้อมูล AI กับการใช้น้ำในระดับที่ชุมชนรับไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีนี้กลับมีอีกด้านที่ถูกพูดถึงน้อยกว่ามาก นั่นคือผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชุมชน โดยเฉพาะเรื่อง “การใช้น้ำ”
ศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่แค่กินไฟมหาศาลเท่านั้น แต่ยังใช้น้ำในระดับที่น่าตกใจ รายงานล่าสุดจาก The New York Times เปิดเผยว่า ศูนย์ข้อมูลบางแห่งของ Meta มีผลกระทบต่อระบบน้ำของชุมชนอย่างชัดเจน
เช่น ศูนย์ข้อมูลทางตะวันออกของเมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ได้ส่งผลให้บ่อน้ำของชาวบ้านแห้งลง และราคาน้ำประปาในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่าในอีกไม่กี่ปีอาจต้องถึงขั้น “ปันส่วนน้ำ” หากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไป
ศูนย์ข้อมูลทั่วไปใช้น้ำเฉลี่ย ราว 500,000 แกลลอนต่อวัน (ประมาณ 1.9 ล้านลิตร) แต่ศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่อาจต้องการน้ำถึง 6 ล้านแกลลอนต่อวัน (ประมาณ 22.7 ล้านลิตร) หรือมากกว่าการใช้น้ำทั้งหมดของบางเขตเสียอีก
“ศูนย์ข้อมูลไม่เข้าใจว่า พวกเขากำลังแย่งชิงความมั่งคั่งของชุมชนไป… เราไม่มีน้ำเพียงพอ”
— Mike Hopkins, ผอ.การประปาและบำบัดน้ำเสีย Newton County
คำพูดนี้สะท้อนประเด็นสำคัญที่กำลังเกิดขึ้นในโลกยุคดิจิทัล เทคโนโลยีอาจพาเราก้าวไกล แต่หากขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน เราอาจกำลังเดินสู่อนาคตที่ไม่ยั่งยืน
การตั้งคำถามต่อการใช้ทรัพยากรในระดับมหาศาลเพื่อสร้างเทคโนโลยี แม้จะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็ควรมาพร้อมกับนโยบายที่โปร่งใส และการบริหารจัดการที่คำนึงถึงผลกระทบต่อผู้คนในพื้นที่จริงๆ
บทเรียนจากวิกฤตที่กำลังก่อตัว
แม้เทคโนโลยีจะสามารถเปลี่ยนโลกได้ แต่คำถามสำคัญคือเราจะสามารถสร้างนวัตกรรมได้อย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนหรือไม่
AI อาจเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ แต่หากเบื้องหลังของมันต้องแลกด้วยทรัพยากรสำคัญ เช่น น้ำของชุมชน เราอาจกำลังเดินหน้าโดยทิ้งรอยเท้าที่ลึกเกินจะฟื้นฟู
Meta และบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่นๆ ควรตระหนักว่า “น้ำ” ไม่ใช่แค่ต้นทุนด้านระบบทำความเย็น แต่มันคือ ชีวิตของผู้คนที่อยู่รอบศูนย์ข้อมูลเหล่านั้น หากไม่มีการวางแผนที่รอบคอบและยั่งยืนตั้งแต่วันนี้ ปัญหานี้อาจขยายตัวจนกลายเป็น “วิกฤตทรัพยากรระดับประเทศ” ในวันข้างหน้า
_____________________________________________________________________________________________________________________________________________________________________
ที่มา: Engadget – Meta’s new AI data centers could use millions of gallons of water per day