คุณมั่นใจแค่ไหนว่าจะแยกความต่างระหว่างการตลาดที่ถูกต้องตามกฎหมาย กับโฆษณาหลอกลวงแบบ Deepfakeได้? คำตอบไม่ง่ายอย่างที่คิด

ผู้เขียน: Phil Muncaster
วันที่เผยแพร่: 18 ส.ค. 2025
ที่มา: welivesecurity.com
ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ซึ่งบั่นทอนรายรับและคุกคามเงินบำนาญของเรา ไม่แปลกที่หลายคนพยายาม “ให้เงินทำงาน” มากขึ้น โชคร้ายที่อาชญากรฉวยโอกาสจากความต้องการนี้ ด้วยแผนการหลอกลงทุนบนโซเชียลมีเดียที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกวันนี้ การแยกแยะโฆษณาการลงทุนจริงกับของปลอมยิ่งยากขึ้น ผู้ก่อภัยคุกคามมีเครื่องมือเพิ่มความน่าเชื่อถือหลากหลาย ตั้งแต่วิดีโอ deepfake ที่สร้างด้วย AI ไปจนถึงยุทธวิธีทางสังคมวิศวกรรมขั้นสูง
อ่านต่อเพื่อดูว่าแคมเปญเหล่านี้ทำงานอย่างไร และวิธีป้องกันไม่ให้เงินของคุณตกอยู่ในมือมิจฉาชีพ
กลโกง “Deepfake การเงิน” ทำงานอย่างไร
ตามข้อมูลของ FBI กลโกงการลงทุน เป็นหมวดที่ทำเงินให้แก่อาชญากรไซเบอร์มากที่สุดติดต่อกันหลายปี ยอดความเสียหายล่าสุดแตะเกือบ 6.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ—และนั่นเป็นเพียงคดีที่ถูกแจ้งต่อหน่วยงานรัฐ ตัวเลขนี้มากกว่ายอดความเสียหายจากการหลอกลวงอีเมลธุรกิจ (BEC) ซึ่งอยู่ที่ 2.8 พันล้านดอลลาร์ อย่างทิ้งห่าง
แม้มีแท็กติก เทคนิค และกระบวนการ (TTPs) หลายแบบ แต่หลายแคมเปญเริ่มจาก โฆษณาอันตรายหรือทำให้เข้าใจผิด ที่ถูกปล่อยในโซเชียลมีเดีย ใช้เป็น “เหยื่อล่อ” ให้เหยื่อกรอกข้อมูลส่วนบุคคล หรือคลิกลิงก์เข้าสู่ กลยุทธ์หลอกลงทุน โดยตรง
- กรณีตัวอย่าง (มิ.ย. 2025): พบโฆษณา Instagram ปลอมแปลงเป็นธนาคารที่ถูกกฎหมาย บางชิ้นเสนอ “บัญชีดอกเบี้ยสูงผิดปกติ” เพื่อชักจูงให้เหยื่อคลิกและกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบธนาคาร บางชิ้นใช้ Instagram Stories แบบ Deepfake อ้างเป็นนักกลยุทธ์การลงทุนของธนาคาร เพื่อดูดข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือชวนเข้ากลุ่ม WhatsApp ธีมการลงทุนที่เป็นกลโกง
- แคมเปญโทรจัน Nomani (ESET ตรวจพบในปี 2024): เนื้อหาโฆษณาและเว็บไซต์ฟิชชิงถูกออกแบบให้เลียนแบบ สื่อท้องถิ่นหรือองค์กรจริง หรือใช้ภาพธีมการเงินทั่วไปพร้อมชื่อโปรแกรมที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น “Quantum Bumex”, “Immediate Mator”, “Bitcoin Trader”
ลักษณะร่วมของ Nomani และแคมเปญคล้ายกัน
- เนื้อหา เจาะพื้นที่/ภูมิภาค อย่างมากเพื่อเข้าถึงเหยื่อเฉพาะกลุ่ม (เช่น อ้างชื่อ Elon Musk ในอเมริกาเหนือ, Lufthansa หรือพรรค CDU ในเยอรมนี)
- กระจายผ่านโฆษณาปลอมบน Facebook, Instagram, X, YouTube รวมถึง Messenger และ Threads
- ใช้ วิดีโอคำยืนยัน (testimonial) แบบ deepfake จากคนดัง มักเป็นวิดีโอคุณภาพต่ำ มีการ ซ้ำคำหลัก อย่างไม่เป็นธรรมชาติ
- ใช้ทั้ง บัญชีปลอม และ บัญชีที่ถูกแฮ็ก เพื่อรันโฆษณา (มีกรณีหนึ่งเป็นนักแสดงที่มีผู้ติดตาม 300,000 คน)
- ใช้ เทมเพลตร่วมกัน และ callback ที่ชี้ไปยัง โครงสร้างพื้นฐานโฮสต์เดียวกัน
เป้าหมายสุดท้ายคือ เก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเหยื่อ เพื่อให้มิจฉาชีพ โทรติดต่อโดยตรง แล้วโน้มน้าวให้สมัครแผนลงทุนปลอม ทำสัญญากู้เงิน หรือแม้แต่ติดตั้ง ซอฟต์แวร์เข้าถึงระยะไกล (remote access) บนอุปกรณ์ของเหยื่อ ESET พบว่า ภัยคุกคาม Nomani เพิ่มขึ้น 335% ระหว่างครึ่งปีแรกกับครึ่งปีหลังของปี 2024 และบล็อกโดเมนที่เกี่ยวข้องได้ กว่า 8,500 โดเมน
เหตุใดเรายังคงตกเป็นเหยื่อซ้ำ

บนกระดาษ สัญญาณเตือนเหล่านี้ชัดเจน แต่ในชีวิตจริงกลับตรวจจับได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อผู้คนกำลังแสวงหาทางออกต่อ ค่าครองชีพที่สูงขึ้น เราจึงยังถูกหลอกด้วยเหตุผลสำคัญดังนี้
- สถานการณ์การเงินตึงตัว โอกาส “กำไรเร็ว ง่าย” ดูน่าดึงดูด
- ช่วงความสนใจของผู้ใช้ สั้นลง โดยเฉพาะบนมือถือ ทำให้มองข้ามสัญญาณเตือนได้ง่าย
- ผู้ใช้จำนวนมาก ไม่คุ้นเคยกับ TTPs ล่าสุด เช่น วิดีโอ deepfake จึงเสี่ยงตกเป็นเหยื่อมากขึ้น
- ภัยคุกคามจำนวนมาก ปรับให้เข้ากับพื้นที่/ภาษา ใช้ บัญชีจริงที่ถูกยึด และอาจติดอันดับบนผลการค้นหา
- มาตรการป้องกันทุจริตแบบดั้งเดิมของธนาคาร ช่วยไม่ได้ หากเราถูกหลอกทางโทรศัพท์ให้ “ลงทุน” ในโครงการปลอม
วิธีสังเกตและหลีกเลี่ยงกลโกง
กลโกงการลงทุนลักษณะนี้พบได้บ่อยขึ้น หลีกเลี่ยงโดย สังเกตสัญญาณเตือน ต่อไปนี้
- โฆษณาฉูดฉาด อ้างอิงแบรนด์ดัง เสนอดอกเบี้ย/ผลตอบแทน สูงเกินจริง
- อ้าง การรับรองจากคนดัง — ตรวจสอบที่ประกาศอย่างเป็นทางการเสมอว่าจริงหรือไม่
- วิดีโอที่ “ดูแปลก” เช่น ภาพกระตุก เสียง-ภาพไม่ตรงกัน ความละเอียดต่ำ หรือเสียงออกโทนหุ่นยนต์/เนียนผิดธรรมชาติ
- เร่งรัดให้ ตัดสินใจทันที เพื่อ “ล็อก” การลงทุน
- การันตีผลตอบแทน (Guaranteed ROI) ซึ่งผิดธรรมชาติสำหรับการลงทุนที่แท้จริง
ขั้นตอนที่ควรทำเพื่อปกป้องตัวเองและเงินของคุณ
- เฝ้าระวังตามสัญญาณเตือนข้างต้น
- อย่าคลิก โฆษณาการเงิน/การลงทุน แม้จะดูเหมือนมาจากแบรนด์หรือบุคคลที่เชื่อถือได้
- ค้นหา รีวิว/เสียงสะท้อนออนไลน์ ของแผนการลงทุนหรือกลุ่มที่ระบุ เพื่อตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
- อย่าลงทุน หากยังไม่เข้าใจชัดเจนว่าผลิตภัณฑ์ทำงานอย่างไร และถอนเงินคืนได้อย่างไร
- เพิกเฉยต่อการติดต่อที่ ไม่ได้ร้องขอ จากบุคคลที่สาม
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว/การเงิน หลังการคลิกโฆษณา ถ้าเป็นสถาบันการเงินที่รู้จัก ให้ ติดต่อโดยตรง ผ่านช่องทางทางการ
- ใช้ ซอฟต์แวร์ความปลอดภัย บนอุปกรณ์ทุกเครื่องจากผู้ให้บริการที่เชื่อถือได้ (เช่น ESET) เพื่อช่วยบล็อกมัลแวร์และกลโกง
- หากสงสัยว่าถูกหลอก: ติดต่อธนาคารทันที เพื่ออายัดบัตรที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังธุรกรรมผิดปกติอย่างใกล้ชิด และ แจ้งความ/รายงาน ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง