สั่งซื้อโทรกลับ

Insider Threat: ความเสี่ยงที่ทุกองค์กรมี แต่ไม่ใช่ทุกองค์กร “เห็น”

SearchInform Risk Monitor ผู้พิทักษ์ข้อมูลและกิจกรรมดิจิทัลขององค์กรคุณ

SearchInform Risk Monitor ผู้พิทักษ์ข้อมูลและกิจกรรมดิจิทัลขององค์กรคุณ

*** ดาวน์โหลด Insider Threat Readiness Checklist ใต้บทความ ***

ในฐานะเจ้าของกิจการ คุณอาจทุ่มงบประมาณ และทรัพยากรมากมาย เพื่อป้องกันภัยคุกคามจาก “ภายนอก” ไม่ว่าจะเป็นไวรัส แฮกเกอร์ หรือการโจมตีทางไซเบอร์รูปแบบต่างๆ แต่คุณเคยฉุกคิดหรือไม่ว่า… ภัยคุกคามที่น่ากลัวที่สุด อาจนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศของคุณเอง?

Insider Threat หรือภัยคุกคามจากคนในองค์กร ซึ่งไม่ได้หมายถึงแค่พนักงานที่ตั้งใจขโมยข้อมูลไปขายให้คู่แข่งเท่านั้น แต่อาจรวมถึงพนักงานที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เผลอส่งข้อมูลสำคัญออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือแม้กระทั่งพนักงานที่กำลังจะลาออก และแอบคัดลอกฐานข้อมูลลูกค้าติดตัวไปด้วย

ความเสียหายจากเหตุการณ์เหล่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่คือ ความเชื่อมั่น ของลูกค้า คือ ความได้เปรียบทางการแข่งขัน และอาจหมายถึง อนาคต ของธุรกิจคุณทั้งหมด

Active Media Thailand จะพาคุณไปรู้จักกับ SearchInform Risk Monitor เครื่องมือที่จะเป็น “ตาและหู” ให้องค์กรของคุณ ช่วยอุดรอยรั่วจากภายในอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับข้อกำกับด้านข้อมูลส่วนบุคคล และพร้อมหลักฐานตรวจสอบได้—ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

SearchInform Risk Monitor คืออะไร?
เปรียบง่ายๆ เหมือน “CCTV สำหรับข้อมูลดิจิทัลของคุณ” 🏢

ลองจินตนาการว่าคุณติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ทั่วทั้งบริษัท เพื่อดูแลความปลอดภัยของทรัพย์สิน… SearchInform Risk Monitor ก็ทำงานในลักษณะเดียวกัน แต่เป็นการ “ติดตั้งกล้องวงจรปิดให้กับข้อมูลและกิจกรรมดิจิทัลที่เกี่ยวข้องกับงานของคุณ”

ระบบจะติดตาม วิเคราะห์ และบันทึกกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนคอมพิวเตอร์ และเครือข่ายขององค์กร ภายใต้กรอบนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อค้นหาพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจนำไปสู่การรั่วไหลของข้อมูล หรือการทุจริต โดยช่วยตอบคำถามสำคัญที่ผู้บริหารทุกคนอยากรู้:

  • ใคร กำลังทำ อะไร กับ ข้อมูลไหน ของบริษัท?
  • มีใครพยายามส่งไฟล์ ความลับทางการค้า ออกไปยังปลายทาง ที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่?
  • มีสัญญาณ พฤติกรรมผิดปกติ เช่น การเข้าถึงข้อมูลจำนวนมาก ในเวลาที่ไม่ปกติ หรือพยายามคัดลอกไฟล์ออกนอกระบบหรือไม่?
  • มีการเสียบ USB Drive ที่ไม่ได้รับอนุญาตเพื่อคัดลอกข้อมูลหรือไม่?
  • ระหว่างเวลางาน พนักงานของคุณใช้ทรัพยากรไปกับงาน หรือกิจกรรมที่ไม่เกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน (สำหรับการวัดภาพรวม Productivity ตามนโยบายองค์กร)
  • มีการติดตั้งซอฟต์แวร์ ที่ไม่ผ่านการอนุมัติ หรือมีความเสี่ยงต่อระบบหรือไม่?

สำคัญ:การติดตามและบันทึก จะดำเนินการภายในขอบเขตที่องค์กรกำหนดและสอดคล้องกับกฎหมาย/นโยบาย เช่น การแจ้งให้ทราบล่วงหน้า การกำหนดสิทธิ์ การเก็บเท่าที่จำเป็น และการควบคุมการเข้าถึงหลักฐาน

ผลลัพธ์คือ หลักฐานเชิงดิจิทัล ที่ตรวจสอบย้อนหลังได้ ช่วยให้คุณตัดสินใจและรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที

ทำไมต้อง SearchInform Risk Monitor?

ส่วนประกอบของ SearchInform Risk Monitor

ในตลาดมีโซลูชันป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล (DLP – Data Loss Prevention) อยู่หลายตัว แต่สิ่งที่ทำให้ Risk Monitor โดดเด่น คือการมุ่งเน้น “บริบทและพฤติกรรม” (Context & Behavior) ควบคู่กับนโยบายการควบคุมข้อมูล

DLP ทั่วไปมักเน้น “บล็อกไฟล์ตามกฎ” (เช่น ห้ามส่งไฟล์ที่มีคำว่า “ลับ”) ซึ่งเสี่ยงต่อ False Positive และอาจไม่เห็นภาพรวมของเหตุการณ์ ในขณะที่ Risk Monitor มองลึกกว่า—ไม่ใช่แค่ถามว่า “ไฟล์อะไรถูกส่ง” แต่ถามต่อว่า ใครส่ง ส่งไปไหน ส่งเมื่อใด ก่อนหน้านี้มีพฤติกรรมอย่างไร และเชื่อมโยงสัญญาณเหล่านี้เข้าด้วยกัน เพื่อ แจ้งเตือนความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆ

พูดง่ายๆ คือจาก “ยามเฝ้าประตู” สู่ “นักวิเคราะห์เหตุการณ์” ที่ช่วยคุณบริหารความเสี่ยงได้จริง

ติดตั้งง่ายบนคลาวด์ ไม่ต้องซื้อเซิร์ฟเวอร์แพงๆ ☁️

สำหรับเจ้าของกิจการ ที่กังวลเรื่องความยุ่งยากในการติดตั้ง และค่าใช้จ่ายฮาร์ดแวร์ SearchInform Risk Monitor มีทางเลือกการใช้งานบนคลาวด์ (On-Cloud) เพื่อความคล่องตัว:

  1. Cloud Server (VM): ใช้ผู้ให้บริการคลาวด์ที่คุณคุ้นเคย (เช่น AWS, Google Cloud, Azure หรือเทียบเท่า)
    • ตัวอย่างสเปกเริ่มต้น (แนะนำปรับตามจำนวน Agent/ปริมาณบันทึก): 4 vCPU / 8–16 GB RAM / SSD เริ่มต้น 200–500 GB
  2. Public/Static IP Address: เพื่อให้ Agent สามารถสื่อสารกลับมายังเซิร์ฟเวอร์ได้อย่างถูกต้อง
  3. ติดตั้ง Agent ฝั่ง Endpoint : โปรแกรมขนาดเล็ก ที่ทำงานเบื้องหลังโดย ไม่รบกวนงานปกติ และอยู่ภายใต้สิทธิ์/นโยบายที่องค์กรกำหนด

แนวปฏิบัติที่แนะนำ

  • เปิดใช้การเข้ารหัสระหว่างส่งข้อมูล (TLS/HTTPS) และกำหนดนโยบายการเก็บ (Retention) ตามความจำเป็น
  • กำหนดบทบาทหน้าที่ Data Controller/Processor ให้ชัด และจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงหลักฐาน (Role-based Access)
  • วางแผน Storage ตามจำนวนผู้ใช้/ระดับการบันทึก (เช่น จับภาพหน้าจอจะใช้พื้นที่มากกว่าบันทึกเหตุการณ์)

ด้วยองค์ประกอบเหล่านี้ คุณสามารถบริหาร และดูแลระบบผ่าน Web Browser จากที่ใดก็ได้ โดยลดภาระดูแลฮาร์ดแวร์ภายในองค์กร

ปกป้องเครือข่ายและข้อมูลของคุณได้อย่างไร? 🔐

Risk Monitor ออกแบบมาเพื่อครอบคลุม ช่องทางการเคลื่อนย้ายข้อมูล (Data Channels) ที่องค์กรอนุญาตและเป็นไปได้ทางเทคนิค ภายใต้ขอบเขตสิทธิ์ของ Agent และ OS:

  • อีเมลและการอัปโหลดไฟล์บนเว็บ: ตรวจสอบรูปแบบการส่งออกข้อมูล ปลายทาง และบริบทที่เกี่ยวข้อง
  • การใช้งานสื่อจัดเก็บพกพา (USB/External Drive): ตรวจจับ/บังคับใช้นโยบายการคัดลอก/ย้ายไฟล์
  • แอปสื่อสารทีมงาน/โซเชียลที่องค์กรรองรับ: เฉพาะแพลตฟอร์ม/ช่องทางที่สามารถตรวจสอบได้ตามนโยบายและข้อจำกัดของแพลตฟอร์มนั้นๆ หมายเหตุ: บริการที่ใช้การเข้ารหัสแบบปลายทางถึงปลายทาง (E2EE) อาจมีข้อจำกัดในการตรวจสอบเนื้อหาภายใน ระบบจึงเน้นการเฝ้าระวังจาก บริบท/Metadata/พฤติกรรม และจุดที่องค์กรควบคุมได้ (เช่น Endpoint/Proxy)
  • การวิเคราะห์เนื้อหาอัจฉริยะ (Content/OCR): ค้นหาคีย์เวิร์ด/แพทเทิร์นสำคัญในไฟล์เอกสาร รูปภาพ ไฟล์สแกน หรือสกรีนช็อต เพื่อระบุข้อมูลอ่อนไหว เช่น “ข้อมูลเงินเดือน” “รายชื่อลูกค้า” “สูตรการผลิต”
  • Behavior & Anomaly Analytics: เรียนรู้รูปแบบการทำงานปกติ และแจ้งเตือนเมื่อมีพฤติกรรมเบี่ยงเบน เช่น การอ่าน/คัดลอกไฟล์จำนวนมากในเวลาที่ไม่ควร หรือการพยายามเข้าถึงข้อมูลข้ามแผนกโดยไม่มีสิทธิ์
  • หลักฐานและการตรวจสอบย้อนหลัง (Audit/Evidence): ระบบรองรับการบันทึกเหตุการณ์อย่างเป็นระบบ และ สามารถเปิดใช้ ฟังก์ชันขั้นสูง เช่น การจับภาพหน้าจอ หรือบันทึกปุ่มกด เมื่อมีเหตุอันควร และ ได้รับอนุมัติ ตามนโยบาย/กฎหมายเท่านั้น

การใช้ฟังก์ชันขั้นสูงควรกำหนดกระบวนการอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร(เช่น คำสั่งสอบสวน/IR)พร้อมบันทึกเหตุผล ขอบเขต เวลา และการปิดใช้งานเมื่อสิ้นสุดเหตุจำเป็น

ตอบโจทย์ PDPA ได้อย่างครอบคลุม พร้อมกรอบการปฏิบัติ ⚖️

PDPA (พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล) คือกฎหมายสำคัญที่ทุกองค์กรต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะเมื่อมีการติดตาม/บันทึกกิจกรรมการใช้งานระบบของพนักงาน และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

Risk Monitor ช่วยให้องค์กรทำตามหลัก Security Measures และ Accountability ได้ง่ายขึ้น หากวางนโยบายและการกำกับดูแลที่เหมาะสม:

  • พิสูจน์และตรวจสอบได้ (Audit Trail): เมื่อเกิดเหตุ ระบบช่วยระบุว่า ใคร ทำ อะไร เมื่อใด และผ่าน ช่องทางใด เพื่อสนับสนุนการสืบสวนและการชี้แจงต่อหน่วยงานกำกับ
  • ควบคุมการเข้าถึง (Access Control): สนับสนุนนโยบายการเข้าถึงตามบทบาท แจ้งเตือน / บล็อกเมื่อมีความพยายามเข้าถึง / ส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิ์
  • การแจ้งเหตุรั่วไหล: หากเกิดเหตุที่มีความเสี่ยงต่อสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล องค์กรสามารถใช้หลักฐานประกอบการ แจ้งต่อหน่วยงานกำกับภายใน 72 ชั่วโมง และหากมีความเสี่ยงสูง ควร แจ้งเจ้าของข้อมูลโดยไม่ชักช้า
  • ฐานกฎหมายและสัดส่วนความจำเป็น: แนะนำให้กำหนดฐานการประมวลผล (เช่น Legitimate Interests) ควบคู่กับการประเมินผลกระทบด้านข้อมูลส่วนบุคคล (DPIA) การเก็บเท่าที่จำเป็น (Data Minimization) การกำหนดอายุเก็บข้อมูล (Retention) และการจำกัดการโอนย้ายข้ามประเทศตามนโยบาย

ตัวอย่างคดีและข้อสังเกต:ต่างประเทศเคยมีกรณีที่องค์กรถูกลงโทษ จากการจัดการข้อมูลพนักงานภายในที่ไม่เหมาะสม—สะท้อนว่าข้อมูล “ภายใน” สำคัญไม่แพ้ข้อมูลลูกค้า ส่วนในประเทศไทยก็มีเคสพนักงานนำข้อมูลลูกค้าไปใช้ต่อกับคู่แข่ง ซึ่งเข้าข่ายPDPAเช่นกัน หากมีระบบเฝ้าระวังและนโยบายชัดเจน มักหยุดยั้งหรือลดผลกระทบได้เร็วกว่า

กรณีศึกษา Insider Threat ที่ไม่ควรมองข้าม 😱

หลายองค์กรรู้สึกว่า Insider Threat เป็นเรื่องไกลตัว จนกระทั่งมันเกิดขึ้นจริง:

  • ตัวอย่างต่างประเทศ: มีกรณีอดีตพนักงานในบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ส่งออกข้อมูลการผลิต/ทรัพย์สินทางปัญญาจำนวนมากออกนอกองค์กร กลายเป็นเหตุความเสียหายระดับสูงและเป็นข่าวใหญ่—หากมีการเฝ้าระวังจากบริบทและพฤติกรรมที่ผิดปกติ ความเสียหายอาจถูกจำกัดวงได้เร็วกว่านี้
  • ตัวอย่างในไทย (พบได้บ่อยทุกขนาดธุรกิจ): พนักงานฝ่ายขายที่กำลังจะลาออก คัดลอกฐานข้อมูลลูกค้า เพื่อนำไปใช้ต่อในบริษัทคู่แข่ง ส่งผลให้สูญเสียลูกค้าและส่วนแบ่งตลาดระยะยาว—นโยบายและระบบแจ้งเตือนการส่งออกไฟล์ปลายทางส่วนตัวช่วย “หยุดเหตุ” ได้ทันท่วงที

ใช้ให้เกิดผลดี และสื่อสารกับพนักงานอย่างโปร่งใส

กุญแจสำคัญคือ นโยบายที่ชัดเจนและสื่อสารได้:

  • ชี้แจงวัตถุประสงค์: เพื่อ ปกป้องทรัพย์สินสำคัญของบริษัท และ รักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า ไม่ใช่เครื่องมือจับผิดรายบุคคล
  • ประกาศนโยบาย/แนวปฏิบัติ/สิทธิของพนักงานให้ทราบล่วงหน้า
  • ใช้ข้อมูลเพียงเท่าที่จำเป็น จำกัดการเข้าถึง และตั้ง Retention ให้เหมาะสม
  • จัดทำกระบวนการอนุมัติสำหรับฟังก์ชันขั้นสูง (เช่น จับภาพหน้าจอ/บันทึกปุ่มกด) เพื่อความโปร่งใส และตรวจสอบได้

เมื่อพนักงานเข้าใจว่า ระบบนี้ช่วย “ปกป้องทุกคน” และลดความเสี่ยงเชิงองค์กร การใช้งานจะราบรื่น และได้รับความร่วมมือมากขึ้น

สรุป

ในโลกที่ข้อมูลคือทรัพยากรล้ำค่าที่สุด การป้องกันภัยจาก “ภายนอก” เพียงอย่างเดียวไม่พออีกต่อไป SearchInform Risk Monitor ไม่ใช่เครื่องมือจับผิด แต่เป็น แพลตฟอร์มบริหารความเสี่ยง ที่ผสาน กฎ DLP + บริบทและพฤติกรรม + หลักฐานตรวจสอบได้ ภายใต้กรอบ PDPA

นี่คือ “ผู้พิทักษ์” ที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา รักษาความเชื่อมั่นลูกค้า และทำให้ธุรกิจของคุณเดินหน้าอย่างมั่นคงและปลอดภัยมากขึ้น

การลงทุนกับการป้องกันจากภายในวันนี้ คือการซื้อทั้ง ความสบายใจ และ อนาคตที่ยั่งยืน ให้กับธุรกิจของคุณ—ก่อนความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้จะเกิดขึ้น

หมายเหตุ:เนื้อหานี้เป็นข้อมูลทั่วไป เพื่อการบริหารความเสี่ยงและการปฏิบัติตามกฎหมาย แนะนำให้ปรึกษาที่ปรึกษากฎหมายขององค์กรเพื่อกำหนดนโยบาย/การใช้งานที่เหมาะสม

รับฟรี “Insider Threat Readiness Checklist” เพื่อประเมินความพร้อมขององค์กร แล้วลงทะเบียนรับเดโม SearchInform Risk Monitor พร้อมปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจาก Active Media Thailand เพื่อวางนโยบายที่สอดคล้องกับ PDPA